การปฎิรูปกระทรวงศึกษาธิการสู่ภูมิภาค @ประเทือง

ใคร่ขออนุญาตเสนอความคิดเห็นต่อ กอปศ. ในเรื่องการปฎิรูปกระทรวงศึกษาธิการสู่ภูมิภาค เพื่อ กอปศ.ได้รับฟังความคิดเห็นจากหลากหลาย ถ้วนทั่วทุกคน ทุกหน่วยงาน ทุกสังกัด ไม่พวกมากลากไป หรือกลุ่มกดดัน ต่างๆ อาจทำให้ผิดเพี้ยนเบี้ยวได้...ข้อเสนอแม้แต่เสียงเดียวแต่เป็นข้อเท็จจริง ก็ควรนำไปเป็นแนวทางได้ ขอเสนอดังนี้นะครับ จากที่ผมได้ติดตามและประเมินผลมาโดยตลอดขอเสนอความจริงเรื่อง คณะกรรมการการศึกษาจังหวัด ได้แก่ กศจ. อกศจ. อนุกก.พัฒนาการศึกษา  อนุกก.บริหารเชิงยุทธศาสตร์ พึ่งได้ตั้งและดำเนินการ (ชุดกก.ล่าสุดจริงๆ) ได้ประมาณมาเพียง 1 ปี แต่งานบุคคล(งานพระเอก..คนสนใจมาก) ผลการดำเนินงานมีความสุจริตยุติธรรม เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลมาก มีการฟ้องร้องน้อย ครูส่วนใหญ่ได้รับความเป็นธรรมและพึงพอใจ มิได้ล่าช้าแต่อย่างใด เพราะมีไทมมิ่งจากสพฐ.ชัดเจน เป็นไปตามปฎิทินของสพฐ.สั่งการ ส่วนเรื่องแผนพัฒการศึกษา แผนการบริหารราชการเชิงยุทธศาสตร์ คณะอนุ และกศจ. เขาได้มีการประชุมดำเนินการเป็นตามขั้นตอน(โรดแม็บ) ทุกประการจริง(สามารถตรวจสอบได้) ซึ่งแผนตรงนี้ หน่วยงานการศึกษาในจังหวัดทุกภาคส่วน(ได้แก่ สพป. สพม. อาชีวะ กศน. สช. การศึกษาพิเศษ อบจ. เทศบาล ตชด.ฯลฯ) ได้มาประชุมร่วมมือร่วมใจจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาต่างๆ อย่างจริงจัง เสร็จแล้วหน่วยจัดการศึกษาต่างๆ ในจังหวัด ไปขับเคลื่อนการดำเนินงานต่อไป ตรงนี้สำคัญมากกว่า ว่าหน่วยงานจัดการศึกษาต่างๆ ในจังหวัดขณะนี้ได้นำไปปฎิบัติให้เป็นรูปธรรมตามแผนหรือยัง(ตรงนี้อาจขาดการประชาสัมพันธ์ หรือหน่วยงานการศึกษาอาจไม่สนใจ จะสนใจเพียง เพื่อนพี่น้องใครจะได้ย้าย ลูกหลานจะได้สอบบรรจุเมื่อไร ใครคนใหนได้เลื่อนวิทยะฐานะ หรือถูกสอบวินัย เสียมากกว่าหรือเปล่า) จึงมีข่าวถูกระทำว่า กศจ.ทำเพียงแต่บุคคล แท้จริงทำทุกอย่างเป็นไปตาม(โรดแม็ป) ทุกประการ

ในทางกลับกัน ในจังหวัดขณะนี้มีสภาพการทำงานที่ดีร่วมกันจากหน่วยงานทางการศึกษาต่างๆ (แบบบูรณาการทุกภาคส่วน) เช่น สพป. สพม. อาชีว กศน. เอกชน การศึกษาพิเศษ ตลอดถึง อบจ. เทศบาล ตชด.ฯลฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดการศึกษาในจังหวัดเดียวกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน อาจเรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมบูรณการ การพัฒนาการศึกษาการทำงานร่วมกัน (เดิมจากปี 2545 เป็นต้นมา หน่วยงานจัดการศึกษาในจังหวัด ต่างสังกัดกัน ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำ ไม่ขึ้นต่อกัน ผลคุณภาพการศึกษาในจังหวัดก็ต่ำลง) ตรงนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่มี กศจ.สามารถทำให้ทุกภาคส่วนในจังหวัดได้มาบูรณาการดำเนินการพัฒนาการศึกษาร่วมกัน ผลล้พที่จะเกิดก็คือ คุณภาพการศึกษาในจังหวัดก็จะดีขี้น กว่าเดิมอย่างแน่นอนครับ

ประเทศไทยได้มีการปฏิรูปการศึกษาเมื่อ 15 ปีที่แล้ว (ประมาณ พ.ศ. 2545)  โดยมีคณะกรรมการวางยุทธศาสตร์และจัดทำรูปแบบ โครงสร้างการบริหารกระทรวงศึกษาธิการ ของสถานศึกษา ของหลักสูตรและการประเมินผล ฯลฯ ตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา รวมเป็นเวลาถึง 15 ปีกว่า (ทศวรรศกว่า) รัฐฯได้ลงทุนเงินงบประมาณ(จากภาษีของประชาชน) ไปปีละประมาณแสนกว่าล้านบาท มากกว่าทุกกระทรวงในประเทศไทย เพื่อจะแลกกับคุณภาพการศึกษาให้ดีขึ้น ผลการประเมินทั่วประเทศ พบว่าคุณภาพการศึกษาไทยไม่ดีขึ้นกว่าเดิม(และไม่มีคณะปฏิรูปการศึกษาคนใดออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่ตนได้กระทำขึ้นกับการศึกษาไทย) ประเทศชาติก็ต้องศูนย์เสียเงินงบประมาณไปฟรีๆ )  เมื่อรัฐฯ ครู นร. ประชาชน นักการศึกษา ปัจจุบันนี้เห็นว่า การปฏิรูปการศึกษาที่ผ่านมา 15 ปี ไม่ดีขึ้น จึงได้มีการปฎิรูปกระทรวงศึกษาในส่วนภูมิภาคขึ้นใหม่ ในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ได้แก่ หลักสูตร ครู การเรียนการสอน ฯลฯ และในปี 60 และ 61 ก็ปฎิรูปโครงสร้างการบริหารออกมา ทำให้การบริหารจัดการหลายๆ เรื่อง ได้ลดปัญหาอย่างมากในส่วนภูมิภาค และแนวโน้มคุณภาพการศึกษาจะดีขึ้น 

มิฉะนั้น ใคร่ขอเสนอว่า กอปศ. จึงไม่ควรนำเอาบุคคลที่เคยเป็นคณะกรรมการปฎิรูปการศึกษาครั้งที่แล้วชึ่งดำเนินการไม่ประสบผลสำเร็จ มาเป็นประธานคณะกรรมการที่ปรึกษา และคณะกรรมการใน กอปศ. ในชุดปัจจุบันใหม่นี้อีก  ถ้าหากนำเข้ามา การศึกษาไทยก็จะไม่ไปถึงใหน ปฎิรูปแบบเดิมๆ ด้วยคนเดิมๆอีก ครับ

การร่วมกิจกรรมแสดงความคิดเห็น ผู้เข้าร่วมพึงต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้

  1. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือพาดพิงสถาบันมหากษัตริย์ และราชวงศ์ เป็นอันขาด
  2. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาที่ส่อไปในทางหยาบคาย ก้าวร้าว เกินกว่าที่บรรทัดฐานของสังคม จะยอมรับได้
  3. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาที่ส่อไปในทาง ลามก อนาจาร รุนแรง อุจาด
  4. ห้ามเสนอข้อความอันมีเจตนาใส่ความบุคคลอื่น ให้ได้รับการดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลอื่นโดยไม่มีแหล่งที่มาของข้อมูลอ้างอิงที่ชัดเจน
  5. ห้ามเสนอข้อความอันเป็นการท้าทาย ชักชวน โดยมีเจตนาก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท หรือก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น โดยมูลแห่งความขัดแย้งดังกล่าว ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นโดยเสรีเช่นวิญญูชนพึงกระทำ
  6. ห้ามเสนอข้อความกล่าวโจมตี หรือวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหายต่อศาสนาหรือคำสอนของศาสนาใดๆ ทุกศาสนา
  7. ห้ามใช้นามแฝงอันเป็นชื่อจริงของผู้อื่น โดยมีเจตนาทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด และเจ้าของชื่อผู้นั้นได้รับความเสียหาย หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง
  8. ห้ามเสนอข้อความอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในระหว่างสถาบันการศึกษา หรือระหว่างสังคมใดๆ
  9. ห้ามเสนอข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่น เช่น อีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ โดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนรำคาญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีเบอร์โทรศัพท์ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่มีโอกาสผิดพลาดคลาดเคลื่อน และเป็นสื่อที่สามารถใช้ในการกลั่นแกล้งได้ง่ายกว่าชนิดอื่น ICER ไม่มีวัตถุประสงค์ในการเป็นสื่อกลางในการนำเสนอ
  10. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดีของสังคมกระทู้ร้องเรียนสินค้าและบริการ สงวนสิทธิ์ให้เฉพาะสมาชิกที่ยืนยันด้วยบัตรประชาชนเท่านั้น
  11. เพื่อความสะดวกในการให้บริการปรับปรุงคุณภาพในการให้บริการ สำรวจความนิยม และปฏิบัติตามกฎหมาย ICER จำเป็นต้องจัดเก็บข้อมูลของท่านบางประการ เช่น หมายเลขไอพี (IP Address) ชนิดของโปรแกรมค้น (Web Browser) บันทึกหน้าเว็บ (Web Page) เวลาเข้าเยี่ยมชม (Access Times) รวมถึงการใช้ฐานข้อมูลเดียวกับเว็บไซต์ และแอบพลิเคชั่นในเครือ โดยทั้งนี้ข้อมูลที่ทาง ICER จัดเก็บนั้นจะไม่ถูกนำไปเผยแพร่ต่อบุคคลที่สาม ในลักษณะที่จะสามารถระบุ ตัวบุคคลผู้เข้าใช้งานได้ แต่จัดเก็บเป็นข้อมูลผู้เข้าใช้งานโดยรวมไปเพื่อนำไปประกอบการวิเคราะห์สำรวจความนิยม เว้นแต่เป็นไปเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น ขอสงวนสิทธิยกเลิกการให้บริการแก่สมาชิกซึ่งไม่ให้ความร่วมมือในการรักษากฎ กติกา และมารยาท ของเว็บไซต์ เพื่อรักษาบรรยากาศการสนทนาที่ดีโดยรวม