ศธจ. และ กศจ. @ธนชน มุทาพร
ในฐานะชมรม ผอ.สพท.แห่งประเทศไทยผมไม่ปฏิเสธเรื่องความสุจริตเที่ยงธรรม และเป็นธรรมาภิบาลของ กศจ.เกือบทุก กศจ. ที่สามารถสร้างความสุขให้กับครูเรื่องโยกย้ายที่ไร้การทุจริต(แต่อาจมีแอบกันอยู่บ้าง) สิ่งที่ผมสะท้อนไปนั้น อย่าเพิ่งตื่นตระหนกตกใจ เพราะชมรมมิได้เสนอให้ยกเลิก กศจ. หรือ ศธจ. เพราะชมรมก็ยังเห็นว่า ศธจ. และ กศจ.นั้นยังมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาเพียงแต่ชมรมยังยืนยันในเรื่องความล่าช้า เพิ่มขั้นตอนการทำงานขึ้นโดยไม่จำเป็น ส่งผลให้เกิดความสิ้นเปลืองของงบประมาณ และเวลาที่เสียไปจากการเดินทางไปราชการที่จังหวัดแบบย้อนไปแล้วก็ย้อนมา ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้อำนาจตาม ม.53 ของ ศธจ. ซึ่งอนาคตไม่สามารถคาดเดาได้ว่า เมื่อผู้ใช้อำนาจตามมาตรา 53 บางคน ใช้ไปนานๆอาจหลงเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการครูในเขตพื้นที่การศึกษาบ้านผมเรียกว่า ฝีจะเกิดขึ้นที่รักแร้โดยไม่รู้ตัวผมเองพยายามมองในแง่บวกเสมอ อย่างกรณีหลาย กศจ. ที่ยังไม่เห็นชอบการพิจารณาความดีนวามชอบอยู่ในขณะนี้ หรือมีการทบทวนอีกหลายจังหวัดซึ่งอำนาจการพิจารณาดังกล่าวเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาตาม ม.24 และม.27 โดยมีแนวปฏิบัติของการพิจารณาความดีความชอบของสพฐ. เป็นเกณฑ์การพิจารณา โดยเฉพาะสัดส่วนโควต้าที่ กศจ.หลายแห่งทักท้วงว่ามีบางตำแหน่งใช้โควต้าเกิน ซึ่งเป็นการคิดแบบบัญญัติไตรยางค์ ถ้าท่าน กศจ. (ศธจ.ทราบดี) ดูรายละเอียดให้ชัดเจนแล้ว จึงจะเข้าใจว่าทำไมผอ.เขตจึงเสนอโควต้าเกินมาในบางตำแหน่งเพราะแต่ละเขตจะต้องมีโควต้าสำหรับคนทำดีจะต้องมีที่ยืน หรือโควต้าเกียรติยศ ที่สพท. (ไม่ใช่ ศธจ.หรือ กศจ.) เป็นคนกำหนดสัดส่วนดังกล่าวนี้โดยคำนึงถึงความเป็นธรรม ผลงาน คุณภาพ หรือความยุ่งยากลำบาก ด้วยเหตุดังกล่าว สพท.หลายแห่งจึงกำหนดโควต้านี้ขึ้นมาโดยเอาเศษที่เหลือจากการพิจาณาของกลุ่มต่างๆมารวมกันไว้เป็นกองกลางเพื่อหาคนทำดีได้มีที่ยืน มาใช้โควต้านี้ทุกคนมีสิทธิได้ แต่ กศจ.บางแห่งจะไม่ยอม ยืนยันว่าต้องยึดตามบัญญัติไตรยางค์เท่านั้น ซึ่งถ้าเช่นนั้น เราจะบริหารคนได้อย่างไร นี้คือเหตุผลที่หลายเขตไม่ยอมถอน ชมรมก็ประกาศชัดเจนว่า ถ้าเขตมั่นใจก็ไม่ต้องถอน เพราะเป็นอำนาจของ สพท.ในการกำหนดสัดส่วนโควต้า ไม่ใช่ กศจ. ถ้า กศจ.ไม่เห็นชอบ ก็ไม่ต้องเลื่อนขั้นและบันทึกเหตุผลไปให้ ก.ค.ศ. รับทราบประเด็นดังกล่าวนี้จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่ กศจ. หรือศธจ. บางแห่ง คิดว่าตนเองเป็นผู้บังคับบัญชา มีอำนาจในการพิจารณาความดีความชอบ
ส่วนข้อเรียกร้องชมรมที่อยากให้เกิดขึ้นตามข่าวนั้น พวกเราเรียกร้องให้รีบแก้ไขคำสั่ง ให้เป็นไปตาม ที่ ศธ.เสนอไป คือมี 2 บอร์ด เพราะทุกวันนี้มีแต่ประชุม ชมรมมีหลักฐานวาระการประชุมของ กศจ.หลายแห่งจะให้ผู้มีอำนาจดู แต่การประชุมเชิงยุทธศาสตร์แทบจะไม่มีการประชุมกันเลย แม้จะมีอนุฯแต่ก็ไม่จบ เพราะต้องเข้า กศจ.ก่อนจึงจะปฏิบัติ ได้ที่สำคัญประธาน คือ ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นคนกำหนดวันประชุม ทุก กศจ. จะประชุมเพียงเดือนละครั้ง และส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องบุคคล ในร่างดังกล่าวยังคืน ม.53 มาให้ผู้บังคับบัญชาจะทำให้ขั้นตอนการทำงานลดลงไม่ย้อนไปย้อนมา งานจะเร็วขึ้น ที่ท่านว่าไม่ช้า ถ้าลดขั้นตอนตรงนี้ลง ยิ่งจะเร็วยิ่งขึ้น ถามว่าใครได้ประโยชน์ ถ้าไม่ใช่ครูและโรงเรียน ประเด็นนี้ต่างหากที่ทางชมรมสมาคม ต้องการให้เกิดขึ้น ตามที่ ศธ.เสนอไป ซึ่งมีการพิจารณาร่วมกันแล้ว ทั้ง สพฐ. และ ก.ค.ศ. รวมทั้ง ผอ.เขตและ ศธจ. ซึ่ง ศธ.เสนอไปหลายเดือนแล้วแต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับถูกขังลืมจึงเป็นมูลเหตุนี้ขึ้นมาครับ