หลักสูตรต้านทุจริตต้องปลูกฝังอย่างต่อเนื่องจริงจัง @พีรวัฒน์
หลักสูตรต้านทุจริตต้องบรรจุไว้ในทุกชั้นเรียนทุกระดับและมีการสอนอย่างจริงจัง ปลูกฝังอย่างต่อเนื่องวัดประเมินผลเป็นระยะ
หลักสูตรต้านทุจริตต้องบรรจุไว้ในทุกชั้นเรียนทุกระดับและมีการสอนอย่างจริงจัง ปลูกฝังอย่างต่อเนื่องวัดประเมินผลเป็นระยะ
ถ้า สพฐ. ลดการสร้างโรงเรียนนั้น/โรงเรียนนี้ นำร่องลงเน้นพัฒนาคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็กทุกด้าน จะเกิดความเสมอภาคทางการศึกษาอย่างแท้จริง เด็กก็จะไม่หนีเข้าเมืองไปโรงเรียนตามโครงการต่างๆของ สพฐ. โรงเรียนขนาดเล็กก็จะน้อยลงเพราะเด็กไม่หนีไปที่อื่น
มีความคิดเห็นว่าบรรยากาศเด็กไทยกับภาษาที่สอง ช่วงนี้ไปได้ดี มีอัตราผลที่เกิดสูงขึ้น แต่การจัดการตอบสนองทักษะพื้นฐานได้ผลแต่ช้ามาก เห็นว่าน่าจะปรับที่ ครูผู้สอน หลักสูตร และที่สำคัญคือสื่อเรียน
เรื่องเรียนฟรี 15 ปีนั้น เป็นเรื่องที่รัฐจัดให้บางรายการแต่รัฐใช้คำว่าเรียนฟรีมันจึงสับสนครับ สิ่งที่รัฐไม่ได้จัดให้กับโรงเรียนมัธยมฯ คือ ค่าจ้างครูชาวต่างชาติ ค่าจ้างครูสอนในสาขาวิชาที่ขาดแคลน ค่าจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้เพียงพอต่อผู้เรียน ค่าเครื่องปรับอากาศสำหรับห้องเรียนคอมพิวเตอร์ ค่าสื่อเทคโนโลยี
เห็นด้วยถ้าจะนำเอาหลักสูตรปี 2503 มาประยุกต์ใช้ให้รองรับThailand 4.0 มีสอบได้ และต่ำกว่าร้อยละ 50 ให้ตก ต้องสอบแก้ตัวใหม่ เด็กจะได้ตั้งใจเรียนให้จบ
โรงเรียนขนาดเล็ก ผอ. ต้องเฝ้าโรงเรียน มิเช่นนั้นนักเรียนจะหายหมด
ช่วงก่อนปี 43 ที่เขตพื้นที่มัธยมยังไม่ได้ตั้งมีโครงการ ร.ร. คู่พัฒนาเอา ร.ร.ยอดนิยมคู่กับ ร.ร.มัธยมใกล้เคียงซึ่งเป็น ร.ร.ขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษด้วยกันเพื่อให้การบริหารจัดการบางเรื่องร่วมกันโดยเฉพาะด้านวิชาการ
ความเจริญอยู่ที่ไหน. คนก็หลั่งไหลไปอยู่ที่นั่น อยากให้คนไหลไปก็ต้องกระจายความเจริญไปยังที่นั่น โรงเรียนดังไม่ต้องจัดสรรงบประมาณไปให้เขาหรอกแต่ออกระเบียบกฎหมายให้เขายืนได้ด้วยตนเอง
แนวคิดโรงเรียนยอดนิยมในเมือง งดรับ ม.1 จัดการศึกษาเฉพาะ ม.ปลาย น่าจะแก้ปัญหาเด็ก ม.ต้น จากต่างอำเภอไหลเข้าเมือง ต้องเดินทางไกลไปอยู่หอ กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงได้
เสนอว่าควรปรับหลักสูตรใหม่ให้เรียนครึ่งวัน ปฏิบัติครึ่งวันโดยลงภาคสนามจริง
ปัญหาเด็กติดศูนย์เคยแก้ปัญหาโดยตั้งสมมติฐานว่าเด็กจำสิ่งที่ครูสอนไม่ได้ เลยทำข้อสอบไม่ผ่าน เลยเปลี่ยนการวัดผลจากการทำข้อสอบเป็นให้ทำงาน ส่งชิ้นงานแทน ผลที่ได้กลับมาคือเด็กกลับไม่ส่งงาน จากเด็กติด 0 กลายเป็นเด็กติด ร
รัฐต้องถอยออกมาให้ทุกภาคส่วนทำการศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครองต้องรู้วิธีอบรมบ่มนิสัยและให้การศึกษาลูกหลานดีกว่าเดิม
อย่ายึดมั่นถือมั่น คิดทำที่เป็นประโยชน์กับเยาวชนและประเทศชาติ แล้วปฏิรูปโครงสร้างจะสำเร็จครับ การศึกษาแบบตามอัธยาศัยจะเป็นดาวรุ่งในอนาคต
ไม่ต้องรอให้โครงสร้างออกครับ รัฐต้องมีมาตรการให้ถือว่าครอบครัวต้องอบรมบ่มนิสัยให้ความรักความเมตตากรุณาอันอบอุ่นแก่เด็กลูกหลานอย่างดีและต่อเนื่องตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ เป็นประโยชน์ สร้างความเจริญทุกด้านให้แก่ประเทศชาติอย่างดี สมกับวิสัยทัศน์ประเทศที่ว่า มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตลอดไปครับ
การสอบบางเรื่องยังจำเป็นอยู่โดยเฉพาะทักษะ แต่วิธีการสอบควรเน้นภาคปฏิบัติมากกว่าสอบความรู้ความจำ ถ้ายังสอบความรู้ความจำอยู่การศึกษาก็ล้มเหลวเหมือนที่เป็นอยู่
ปฐมวัยควรบรรจุเรื่องการฝึกกราบไหว้ครูหรือผู้ใหญ่ เรื่องมารยาทฝึกให้มากๆ
การปรับความคล่องตัวและระดมสรรพกำลังเพื่อเปลี่ยนบุคลิกเด็กไทยที่แข็งแรง มีวินัย รักภูมิใจชาติ สามารถเชี่ยวชาญในทางถนัด รับผิดชอบครอบครัว สังคม ต้องเร่ง และในรูปแบบสถานศึกษาในกำกับรัฐแบบเอกชนจะสามารถเร่งได้ทันการ กับ 4.0
ขอแลกเปลี่ยนเรียนประเด็นการเรียนการสอนเด็กที่ความต้องการจำเป็นพิเศษและขอสะท้อนปัญหาที่เกิดในปัจจุบันให้ท่านรับทราบ
ขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประเด็นสอบเข้าม. 1 หรือการสอบเข้าม. 4 ตลอดการสอบเข้ามหาวิทยาลัยครับ ไม่เห็นด้วยกับการสอบคัดเลือก แต่ควรรับทุกคนที่มาสมัครเข้าเรียนตามโควต้าเมื่อเต็มแล้วก็หยุดรับ
ควรปรับหลักสูตรใหม่หมด ให้เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอนที่เน้นค้นหาความถนัด ความสามารถเฉพาะบุคคลได้และจัดกิจกรรมตอบสนองเด็กได้อย่างต่อเนื่องถึงจะพัฒนาศักยภาพเด็กได้